การจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023
Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 โดยมีฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช ร่วมกับกฤติยา กาวีวงศ์ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ พร้อมด้วยภัณฑารักษ์ อังกฤษ อัจฉริยโสภณ และมนุพร เหลืองอร่าม ภายใต้แนวคิด “เปิดโลก (The Open World)” ซึ่งมีแรงบันดาลใจ จากพระพุทธรูปปางเปิดโลกที่โบราณสถาน วัดป่าสัก อำเภอเชียงแสน จะร่วมกันจัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินไทยและต่างชาติจากลุ่มน้ำโขงถึงแม่น้ำอะเมซอน ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม จนถึงธรรมชาติและนิเวศวิทยา ในพื้นที่สำคัญทั่วจังหวัดเชียงราย เช่น หอศิลป์ ศูนย์ประชุม พิพิธภัณฑ์ วัด ตลอดจนโบราณสถาน ได้คัดเลือกศิลปินเข้าร่วมแสดงจำนวน ๖๐ คน จาก ๒๑ ประเทศ ครอบคลุมจากทุกทวีป ประกอบด้วยศิลปินต่างประเทศ ๓๘ คน และศิลปินไทย ๒๒ คน โดยมีรูปแบบการจัดแสดง ออกเป็น ๓ ส่วน ได้แก่ ๑) นิทรรศการหลัก แสดงผลงาน ศิลปะการจัดวางเฉพาะพื้นที่ (Site Specific Installation) ของศิลปิน ๖๐ คนในเขต อำเภอเมืองและเชียงแสน ๒) Pavilion หรือ ศาลาแสดงผลงานนิทรรศการกลุ่มของศิลปิน พิพิธภัณฑ์และองค์กรต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ๑๐ แห่งในอำเภอเมืองและอำเภอใกล้เคียง ๓) Collateral Events เป็นกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นในช่วงงาน เช่น เทศกาล ดนตรีชาติพันธุ์ งานฉายภาพยนตร์ การแสดงสดอื่น ๆ และการเยี่ยมชมบ้านหรือสตูดิโอ ของศิลปินในจังหวัดเชียงรายตามอำเภอต่างๆ
“เปิดโลก” (The Open World) มีความหมายที่ตรงไปตรงมา แต่มีนัยยะหลายประการที่สื่อถึงความต้องการ “เปิด” การรับรู้ศิลปะของผู้คนสามารถนำพาไปสู่การตั้งคำถามด้วยผลงานศิลปะร่วมสมัยว่าจะสามารถจินตนาการถึงความเป็นไปได้ของอนาคตที่ดีกว่านี้ได้อีกหรือไม่
การจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ศิลปินได้มีเวทีในการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาและค้นหาตัวตนสู่ความเป็นเลิศด้านศิลปะ ศิลปินไทยได้เรียนรู้ แลกเปลี่ยนกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานและแนวคิดจากศิลปินในระดับนานาชาติ ซึ่งถือเป็น แนวทางการสร้างพื้นฐานเพื่อก้าวสู่การเป็นศิลปินมืออาชีพในเวทีระดับสากล รวมไปถึงการสร้างเครือข่าย ความร่วมมือเพื่อก้าวสู่ความเป็นสากลในอนาคต
การดำเนินงานดังกล่าวจะเป็นการบูรณาการร่วมกันกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในนามของรัฐบาลไทย ได้แก่ ประชาชน ชุมชน ผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในจังหวัด เครือข่ายหอศิลป์ ศิลปินไทย และต่างประเทศ เป็นต้น โดยผลลัพธ์จากการดำเนินโครงการจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ส่งเสริมศักยภาพความร่วมมือ สร้างความรักและความภาคภูมิใจในต้นทุนทางศิลปวัฒนธรรมให้แก่คนในชุมชน และประชาชนชาวเชียงราย ตลอดจนพัฒนาภาพลักษณ์เชิงบวกในมิติศิลปะสร้างสรรค์ให้แก่ประเทศไทย สามารถเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวในมิติทางศิลปวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ สาขาทัศนศิลป์ให้กับวงการศิลปะไทย อีกทั้ง ยังเป็นการพัฒนาบุคลากรด้านศิลปะในด้านการบริหารจัดการงานศิลปะร่วมสมัย และงานด้านภัณฑารักษ์อีกด้วย